Privacy Policy

Privacy Policy

นโยบายการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ส่วนที่ 1 บทนำ

บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) ได้เห็นความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 บริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ตามกฎหมายในการแจ้งเอกสารฉบับนี้ให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงแจ้งให้ท่านทราบสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานดังนี้

ส่วนที่ 2 คำนิยาม

“บริษัทฯ” บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน)
“ท่าน” ลูกค้า ผู้ใช้บริการ คู่ค้า ของบริษัท รวมถึงการเข้าเยี่ยมชมหรือใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อมาที่บริษัท ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
“ข้อมูลส่วนบุคคล” ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองม่านตา ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ) หรือข้อมูลอื่นใดที่กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ประมวลผล” การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” ผู้ให้คำแนะนำ ตรวจสอบดำเนินงาน ประสานงาน และให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ส่วนที่ 3 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับวิธีการที่ท่านมีธุรกรรมกับบริษัท เช่น เมื่อท่านใช้บริการและให้ข้อมูลผ่านเว็ปไซต์ของบริษัท หรือเมื่อท่านให้ข้อมูลผ่านช่องทางที่บริษัทจัดเตรียมไว้ เช่น โทรศัพท์ เอกสารของบริษัท แอพพลิเคชั่นของบริษัท แอพพลิเคชั่นในการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ เมื่อท่านเข้าทำสัญญาหรือธุรกรรมกับบริษัทและส่งมอบเอกสารและสำเนาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่าน หรือเมื่อท่านซื้อสินค้าหรือบริการของบริษัท เป็นต้น ซึ่งขึ้นอยู่กับธุรกรรมต่างๆ ที่ท่านให้ข้อมูล ดังนี้
3.1 ข้อมูลการติดต่อ ได้แก่ ชื่อ นามสกุล อีเมล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ชื่อบัญชีโซเชียลมีเดีย และข้อมูลการติดต่ออื่นๆ ที่มีเกี่ยวข้องกันกับการติดต่อสื่อสาร
3.2 ข้อมูลสำหรับยืนยันตัวตน ได้แก่ ข้อมูลในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และ Passport ภาพนิ่งรวมถึงภาพเคลื่อนไหว
3.3 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการล็อกอินและการรักษาความปลอดภัยในการเข้าใช้ระบบ ได้แก่ ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน วิธีการยืนยันตัวตน และข้อมูลอื่นๆ ที่มีเกี่ยวข้องกันกับการเข้าใช้ระบบ
3.4 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริการ ซึ่งรวมถึง ข้อมูลประวัติการรับบริการและข้อมูลโปรไฟล์ ได้แก่ ชื่อ สกุล เพศ ตำแหน่งงาน ความสนใจ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกันกับการรับบริการ
3.5 ข้อมูลทางการเงิน ได้แก่ หมายเลขบัญชีธนาคาร หลักฐานการรับเงิน หลักฐานการจ่ายชำระเงิน
3.6 ข้อมูล Browser (บราวเซอร์) และอุปกรณ์ที่ใช้ ได้แก่ ชนิดและเวอร์ชั่นของบราวเซอร์ อุปกรณ์ที่ใช้ ตำแหน่งสถานที่ใช้อุปกรณ์ แอปพลิเคชัน ชนิด เวอร์ชั่นของปลั๊กอิน คอมพิวเตอร์ เครือข่ายการเชื่อมต่อข้อมูล ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) โปรโตคอลแอดเดรส (IP Address) ซึ่งรวมถึงข้อมูลผู้ใช้งานและประวัติการเรียกดูข้อมูลบนเว็บไซต์

ส่วนที่ 4 ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อท่าน หรือตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายฉบับนี้ โดยในกรณีที่สิ้นสุดสัญญาการจ้างกับบริษัท หรือกรณีไม่มีการใช้บริการหรือการทำธุรกรรมบริษัทแล้ว บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นเวลา 10 ปีหลังจากสิ้นสุดอายุสัญญา หรือตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือตามอายุความ หรือตามที่หน่วยงานของรัฐกำหนด หรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ส่วนที่ 5 วัตถุประสงค์ในการประมวลผล

บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดำเนินการตามความประสงค์ของท่านในการรับบริการหรือทำธุรกรรมที่ตกลงกันระหว่างท่านกับบริษัท หากบริษัทมีความจำเป็นที่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ บริษัทจะขอความยินยอมจากท่าน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
5.1 เพื่อการติดต่อสื่อสารกับท่าน ซึ่งรวมถึงการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการและข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับการให้บริการ การให้การสนับสนุนทางเทคนิคเกี่ยวกับเว็บไซต์ของบริษัทฯ รวมถึงการส่งเสริมการขายและเสนอขายผลิตภัณฑ์ บริการของบริษัทฯ
5.2 เพื่อการให้บริการเกี่ยวกับงานระบบไฟฟ้า ระบบติดต่อสื่อสาร ระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ ระบบสุขาภิบาล ระบบท่อภายในอาคาร ระบบป้องกันอัคคีภัย หรือบริการอื่นใดตามที่ท่านตกลงกับบริษัทฯ
5.3 เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่ท่านตกลงกับบริษัทฯ รวมถึงการให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ และบริการหลังการขาย
5.4 เพื่อบันทึกบัญชีตั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ของบริษัท การออกใบแจ้งหนี้ การออกใบกำกับภาษี การทำการเบิกจ่ายเงินและการรับเงิน รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ และการดำเนินการทางบัญชีของบริษัท
5.5 เพื่อพัฒนาการผลิตภัณฑ์และการให้บริการของบริษัทฯ การออกแบบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการใหม่ของบริษัทฯ หรือการเสริมเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่มีอยู่ของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึง การตรวจสอบและเพิ่มคุณภาพ
5.6 ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผล เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายตามที่หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายร้องขอ หรือใช้เพื่อเป็นพยานหลักฐานกรณีเกิดเหตุอาชญากรรม หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในหรือบริเวณอาคารและสถานที่ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดทำรายงานภาษียื่นต่อกรมสรรพากร การตรวจสอบทางบัญชีโดยผู้สอบบัญชีหรือผู้ตรวจสอบภายนอก เป็นต้น
5.7 ฐานการปฏิบัติตามพันธะสัญญา (Contract) นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผล เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลและเจ้าของข้อมูลหรือเพื่อปฏิบัติตามคำขอของเจ้าของข้อมูลก่อนที่จะเข้าทำสัญญา การบริหารจัดการสัญญาระหว่างบริษัทกับลูกค้า คู่ค้า

กรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติสัญญา การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือเพื่อความจำเป็นในการเข้าทำสัญญา หากท่านปฏิเสธการให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือคัดค้านการดำเนินการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว อาจส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการหรือให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ทั้งหมดหรือบางส่วน

ส่วนที่ 6 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งแก่ท่านเท่านั้น โดยบริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีดังต่อไปนี้
6.1 บริษัทในเครือหรือในกลุ่มของบริษัท โดยบริษัทอาจเปิดเผยให้แก่พนักงานหรือบุคลากรของบริษัทในเครือตามความจำเป็นเพื่อการจัดการข้อมูลหรือการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้
6.2 ผู้ให้บริการซึ่งเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในการให้บริการต่าง ๆ ได้แก่ การให้บริการด้านความปลอดภัย การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือบริการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทหรืออาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน
6.3 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นที่มีอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงเจ้าพนักงานหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่หรือใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาล เป็นต้น
6.4 คู่ค้า ผู้รับเหมา หรือคู่สัญญาของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
6.5 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจหรือเอกชน เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทประกัน โรงพยาบาล เป็นต้น
6.6 ที่ปรึกษาของบริษัท เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี (External Audit) ที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ผู้ตรวจสอบระบบควบคุมภายใน (Internal Audit) ทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมาย เป็นต้น
6.7 บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ

ส่วนที่ 7 สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเห็นความสำคัญของ สิทธิของท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ ดังนี้
7.1 ท่านมีสิทธิที่จะทราบหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท หรือขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
7.2 ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบันสมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ในกรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เกี่ยวกับตนไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สมบูรณ์ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.3 ท่านมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน เช่น ท่านยังมีภาระหนี้หรือภาระผูกพันตามกฎหมายอยู่กับบริษัท เป็นต้น ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวอาจทำให้ท่านไม่สามารถรับบริการหรือทำธุรกรรมกับบริษัทได้ หรืออาจทำให้บริการที่จะได้รับจากบริษัทไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
7.4 ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนจากบริษัทได้ ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งท่านมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
7.5 ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเมื่อใดก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
      7.5.1 กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของบริษัท หรือเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท
      7.5.2 กรณีที่เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
      7.5.3 กรณีที่เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
7.6 ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลด้วยเหตุบางประการได้
7.7 ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
      7.7.1 เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอให้ดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ หรือไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
      7.7.2 เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
      7.7.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นที่บริษัทจะเก็บรักษา แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้บริษัทเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
      7.7.4 กรณีที่ท่านใช้สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์เพื่อปฏิเสธการใช้สิทธิของท่าน
7.8 ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศที่ออกตามกฎหมาย

ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิข้างต้นและดำเนินการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิข้างต้นสามารถดำเนินการโดยกรอกข้อมูลใน “แบบคำร้องขอใช้สิทธิ” และส่งอีเมลมาที่ dpo@qtc.co.th หรือติดต่อผ่านช่องทางตามข้อ 10.

ส่วนที่ 8 คุกกี้ (Cookie)

เว็บไซต์ ของบริษัทใช้คุกกี้ (Cookie) เป็นชิ้นส่วนข้อมูลขนาดเล็กที่ถูกเก็บไว้ใน Text File ซึ่งจะถูกบันทึกลงในคอมพิวเตอร์ของท่านหรือบนอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อ Browser ทำการโหลดเว็บไซต์ของบริษัท คุกกี้ (Cookie) ถูกใช้งานเพื่อบันทึกข้อมูลของท่าน รวมถึงความชอบและความสนใจของท่าน ข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อท่านเมื่อเข้าใช้งานหรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทในครั้งต่อไป

เมื่อท่านเข้าใช้บริการ Browser ท่านสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าของ Browser เพื่อปิดการใช้งานคุกกี้ (Cookie) ได้ แต่อย่างไรก็ดี ขอให้ท่านทราบว่า หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ (Cookie) ไม่ยอมรับ หรือยอมรับบางส่วน อาจส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์หรือบริการต่างๆ ของบริษัทที่สามารถให้บริการแก่ท่านได้

ส่วนที่ 9 กล้องวงจรปิด (CCTV)

บริษัทบันทึกและจัดเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่บริษัทติดตั้งไว้บริเวณอาคารและสถานที่ต่างๆ ของบริษัท ตามมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุอันตรายอันอาจเกิดขึ้น ต่อผู้เข้าใช้อาคารสถานที่ หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท
9.1 บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐาน ดังต่อไปนี้
      9.1.1 ฐานจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ท่าน พนักงาน ผู้ใช้บริการ และบุคคลอื่นที่เข้ามาภายในอาคารและสถานที่ รวมถึงการดูแลทรัพย์สินของบริษัทไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าออกเขตหวงห้าม รวมถึงใช้ในการสอบสวนเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในอาคารและสถานที่
      9.1.2 ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายตามที่หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายร้องขอ หรือใช้เพื่อเป็นพยานหลักฐานกรณีเกิดเหตุอาชญากรรม หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในหรือบริเวณอาคารและสถานที่
9.2 บริษัทบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นระยะเวลาประมาณ 10 วัน นับจากวัน/เดือนที่บันทึกไว้ ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาข้างต้น ภาพจะถูกลบจากระบบโดยอัตโนมัติ หรือบริษัทจะทำการลบหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ส่วนที่ 10 ช่องทางการติดต่อ

หากท่านประสงค์จะติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ หรือกรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปในทางที่ไม่ชอบ ท่านสามารถติดต่อบริษัทผ่านทางช่องทางดังต่อไปนี้ รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
ชื่อ : บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน)
สถานที่ติดต่อ : 42 ซอยรามคำแหง 187 แยก 2 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพ 10510
โทรศัพท์ติดต่อ : 02-917-7128 ต่อ 206

รายละเอียดเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
สถานที่ติดต่อ : 42 ซอยรามคำแหง 187 แยก 2 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพ 10510
โทรศัพท์ติดต่อ : 098-269-1522 
อีเมล : dpo@qtc.co.th